ความเป็นมา
ประเทศไทยมีปางช้างจำนวนมากที่ทำธุรกิจบริการ เช่น การแสดงข้าง หรือกิจการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับช้างปางช้างส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องการปฏิบัติที่ดีในการจัดการควบคุมคุมดูแลและเลี้ยงช้างที่ถูกต้อง จึงส่งผลให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพช้าง การทารุณกรรมช้าง รวมทั้งเกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมจากมูลข้างและขยะมูลฝอย ดังนั้น เพื่อเป็นการปรับปรุงการปฏิบัติในการจัดการควบคุมดูแลแลและเลี้ยงช้างให้ถูกต้องและเหมาะสม เป็นไปตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ รวมทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานปางช้างไทย คณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตรจึงเห็นควรจัดทำมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง การปฏิบัติที่ที่สีสำหรับปางช้าง
วัตถุประสงค์
เพื่อส่งเสริมคุณภาพและมาตรฐานในการดูแลช้างให้เป็นไปตามหลัก สวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) ป้องกันการทารุณกรรมช้าง และยกระดับการเลี้ยงดูช้างในปางให้มีมาตรฐานที่รับรองได้
ขอบข่าย
มาตรฐานสินค้าเกษตรนี้ กำหนดการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้างตามที่กำหนดนิยาม คือ ปางช้าง (elepbant facility) หมายถึง สถานที่ที่มีการประกอบกิจการเลี้ยงหรือรวบรวมช้างเพื่อการท่องเที่ยว การแสดง หรือการประกอบกิจการอื่นที่แสวงหาประโยชน์จากช้าง ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีการเรียกเก็บค่าดูหรือค่าบริการในทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่ก็ตาม ครอบคลุมองค์ประกอบปางช้าง การจัดการปางช้าง บุคลากร สุขภาพช้าง สวัสดิภาพสัตว์ สิ่งแวดล้อม การจัดการด้านความปลอดภัย และการบันทึกข้อมูล เพื่อให้ช้างมีสุขภาพดี โดยคำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์ สิ่งแวดล้อม รวมถึงสุขภาพ ความปลอดภัย และสวัสดิภาพของบุคลากรและความปลอดภัยของผู้มาใช้บริการ
มาตรฐานสินค้าเกษตรนี้ ใช้กับปางช้างที่เลี้ยงหรือรวบรวมช้างบ้าน (domesticated elephant) ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Elephas maximus เท่านั้น
มาตรฐานสินค้าเกษตรนี้ ไม่ครอบคลุม
การเลี้ยงช้างในครัวเรือน โดยไม่มีการประกอบกิจการเกี่ยวกับช้าง เพื่อการท่องเที่ยวหรือการแสดง
การเลี้ยงช้างไว้ใช้แรงงาน เช่น การชักลาก
สาระสำคัญการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้าง
สรุปสาระสำคัญ มกษ. 6413-2564 “การปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้าง”
ข้อกำหนดการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้าง (มกษ. 6413-2564)
1. องค์ประกอบปางช้าง
1.1 สถานที่ตั้ง
- ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนจากอันตรายทางกายภาพเคมี และชีวภาพ ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและสวัสดิภาพสัตว์ หรือมีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม
- ตั้งอยู่ในทำเลที่มีน้ำสะอาดใช้เพียงพอตลอดปี
- มีเส้นทางการคมนาคมเข้าถึงปางช้างที่สามารถขนส่งช้าง อาหารสัตว์ เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ต่างๆ
- เป็นพื้นที่ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อป่าต้นน้ำ
1.2 ขนาดพื้นที่และผังปางช้าง
- มีขนาดพื้นที่ของปางช้างที่เหมาะสมกับลักษณะกิจกรรม และจำนวนช้าง
- มีการวางผังปางช้างที่เอื้อต่อการปฏิบัติงานที่ถูกสุขลักษณะ
- แยกพื้นที่ปฏิบัติงานเป็นสัดส่วน เช่น สถานที่พักช้าง พื้นที่พักผ่อนสำหรับช้างพื้นที่เก็บอาหาร พื้นที่เก็บอุปกรณ์ และพื้นที่รวบรวมขยะและมูลช้าง
1.3 สถานที่พักช้าง และพื้นที่พักผ่อนสำหรับช้าง
- มีสถานที่พักช้าง เพื่อรอให้บริการหรือพักจากการบริการ
- อาคารพักช้าง ต้องมีพื้นที่เพียงพอในการเลี้ยงช้าง มีโครงสร้างแข็งแข็งแรง มีหลังคาสำหรันแดดกันฝน มีการระบายอากาศที่ดี และไม่มีน้ำขังบริเวณพื้นอาคารพักช้าง
- ไม่ใช่อาคารพักช้าง พื้นที่ต้องมีร่มเงาและมีแหล่งน้ำเพียงพอ
- มีพื้นที่พักผ่อนสำหรับช้าง เพื่อใช้พักผ่อนในช่วงที่ไม่มีงานบริการ หรือช่วงกลางคืน เช่น
- การล่ามช้าง ล่ามไว้ในป่าธรรมชาติหรือสวน ล่ามไว้กับหมุดในพื้นที่โล่งภายในปางช้าง ล่ามไว้ใต้ต้นไม้ หรือในอาคาร ซึ่งมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 16 ตารางเมตรต่อเชือก โดยใช้เชือกมัด หรือโซ่ล่ามความยาวไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร
- การปล่อยช้างไว้ในพื้นที่ที่มีขอบเขตป้องกันการหลุดของช้าง เป็นพื้นที่ที่มีร่มเงา มีแหล่งน้ำเพียงพอ และคำนึงถึงความปลอดภัยของช้าง
2. การจัดการปางช้าง
2.1 คู่มือการจัดการปางช้าง
- มีคู่มือการจัดการปางช้างที่แสดงให้เห็นรายละเอียดการปฏิบัติงานที่สำคัญภายในปางช้าง
- การดูแลและการจัดการช้างท้อง ช้างคลอด ลูกช้าง ช้างวัยรุ่น ช้างวัยทำงาน ช้างชรา และช้างพิการ
- การแยกและฝึกลูกช้าง
- การจัดการด้านการผสมพันธุ์
- การจัดการช้างตกมันและช้างอาละวาด
- การจัดการด้านอาหารและน้ำ
- การทำความสะอาดสถานที่พักช้าง พื้นที่พักผ่อนสำหรับช้าง และอุปกรณ์
- การจัดการด้านสุขภาพช้าง
- การจัดการช้างป่วยและช้างตาย
- การจัดการด้านสวัสดิภาพสัตว์
- การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
- การจัดการด้านการบริการ การแสดง และการทำงานของช้าง
2.2 การจัดการอาหารและน้ำ
- ให้ช้างได้รับอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และเหมาะสมสำหรับการเลี้ยงช้าง โดยเป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558
- มีสถานที่เก็บอาหารแยกเป็นสัดส่วน และเก็บอาหารในสภาพที่ป้องกันการเสื่อมสภาพและการปนเปื้อน
- มีการจัดการให้ช้างทุกเชือกได้กินอาหารและน้ำอย่างเพียงพอต่อต่อความต้องการของช้าง และได้รับอาหารที่หลากหลาย
2.3 การจัดการอาคารและอุปกรณ์
- ทำความสะอาดอาคาร บริเวณโดยรอบ และอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ
- บำรุงรักษาอาคารและอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพดี และปลอดภัยต่อช้าง และบุคลากร
2.4 การจัดการแหล่งที่มาของช้าง
- ช้างบ้านทุกเชือกต้องมีหลักฐานประจำตัวช้างที่ออกให้โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น ตั๋วพิมพ์รูปพรรณ บัญชีลูกครอก
3. บุคลากร
- มีการจัดแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบของบุคลากรอย่างชัดเจน โดยคำนึงถึงจำนวนของช้างที่เลี้ยงและประเภทของปางช้าง
- มีสัตวแพทย์ผู้ควบคุมปางช้างกำกับดูแลด้านสุขภาพช้าง
- ควาญช้างที่ทำหน้าที่เลี้ยงช้างต้องมีความรู้ ได้รับการฝึกอบรมหรือฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับการเลี้ยงช้าง การบังคับช้าง และความเข้าใจเกี่ยวกับช้าง มีทักษาในการให้บริการ ตลอดจนการดูแลและช่วยเหลือผู้มาให้บริการ
- บุคลากรอื่นๆ ที่ให้บริการ เช่น เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่บริการ พนักงานรักษาความปลอดภัย ต้องมีความรู้ทั่วไปเกีย่วกับช้าง มีทักษะในการให้บริการ ตลอดจนดูแลและช่วยเหลือผู้มาใช้บริการ
- บุคลากรทุกคนในปางช้างมีสุขลักษณส่วนบุคคลที่ดี และได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคสัตว์สู่คน
- จัดหาอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยของควาญช้าง และมีการทำประกันอุบัติเหตุสำหรับควาญช้าง
4. สุขภาพช้าง
4.1 การป้องกันและควบคุมโรค
- มีการสังเกตความเป็นอยู่และสุขภาพของช้างทุกวัน หากพบความผิดปกติให้แจ้งบุคลากรที่เกี่ยวข้องทราบ หรือปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อพิจารณาดำเนินการแก้ไขอย่างทันท่วงที
- มีการตรวจสุขภาพของช้างประจำปี อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง
- มีการป้องกันและควบคุมโรค เช่น ให้ช้างได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโณค รวมทั้งมีการกำจัดปรสิตภายในและภายนอกที่เหมาะสม
- มีมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันวัณโรค
- มีมาตรการควบคุมสัตว์พาหะนำโรค
- มีการกักกันโรคสำหรับช้างที่นำเข้ามาใหม่ และแยกช้างป่วยออกจากพื้นที่เลี้ยงข้างปกติ
- กรณีที่เกิดโรคระบาดหรือสงสัยว่าเกิดโรคระบาดต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 และคำแนะนำของกรมปศุสัตว์
- ช้างทุกเชือกมีสมุดประจำตัวช้าง
4.2 การบำบัดโรคสัตว์
- การบำบัดโรคสัตว์ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ประกอบการวิชาชีพการสัตวแพทย์ ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพการสัตวแพทย์
5. สวัสดิภาพสัตว์
- ดูแลและปฏิบัติต่อช้างให้มีความเป็นอยู่ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ 5 ประการ คือ
- มีอิสระจากความหิว กระหาย
- มีอิสระจากความไม่สะดวกสบายอันเนื่องมาจากสภาวะแวดล้อม
- มีอิสระจากความเจ็บปวด การบาดเจ็บ และเป็นโรค
- มีอิสระจากความกลัวและความทุกข์ทรมาน
- มีอิสระในการแสดงพฤติกรรมตามปกติของช้าง
- ต้องดูแลและปฏิบัติต่อช้างให้มีความเป็นอยู่ตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรม และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557
6. สิ่งแวดล้อม
- กำจัดซาก ขยะ ของเสีย และน้ำเสีย โดยวิธีที่เหมาะสมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- มีมาตรการจัดการมูลข้างไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
7. การจัดการด้านความปลอดภัย
- มีบุคลากร และป้ายหรือเอกสาร ให้คำแนะนำเรื่องความปลอดภัยในการเข้าหาช้าง การให้อาหารช้าง การนั่งบนหลังช้าง และการปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับช้าง
- ควาญช้างมีการตรวจสอบพฤติกรรมของช้างก่อนเริ่มให้บริการแก่ผู้มาใช้บริการทุกครั้ง
- มีการจัดการด้านความปลอดภัย
- มีรั้วกั้นหรือสิ่งกีดขวางระหว่างผู้มาใช้บริการกับช้าง ขณะที่ชมการแสดงและให้อาหารช้าง
- มีแผนและฝึกซ้อมการปฏิบัติตามแผนในการจัดการภาวะฉุกเฉินในปางช้าง
- มีสถานที่สำหรับขึ้น-ลงหลังช้างที่มั่นคง แข็งแรง และปลอดภัย
8. การบันทึกข้อมูล
- มีการบันทึกข้อมูลที่สำคัญ ดังนี้
- ประวัติบุคลากร ประวัติการฝึกอบรมหรือฝึกปฏิบัติ และผลการตรวจสุขภาพประจำปี
- แหล่งที่มาของอาหารและน้ำ
- การใช้สารเคมี ยาฆ่าเชื้อ หรือวัตถุอันตรายทางการปศุสัตว์
- การใช้ยาสัตว์และอาหารเสริม
- บันทึกใบอนุญาตเคลื่อนย้ายช้าง
- ให้เก็บรักษาบันทึกข้อมูลเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี


