ความเป็นมา
											
				
			
		มาตรฐาน มกษ. 6909-2562 “การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มไก่” (หรือฟาร์มไก่ไข่) ถูกนำมาใช้เพื่อสนับสนุนการเลี้ยงไก่ให้มีคุณภาพ มีสุขลักษณะ การจัดการอาหาร สุขอนามัยของโรงเรือน การจัดการโรค และการตรวจติดตามคุณภาพ เพื่อให้ไก่และผลิตภัณฑ์ที่ออกจากฟาร์มมีความปลอดภัยและยอมรับได้ทั้งในประเทศและตลาดส่งออก
															
															
					
						วัตถุประสงค์
											
				
			
		การผลิตไข่ไก่ที่ ปลอดภัย มีคุณภาพ และเหมาะสมสำหรับการบริโภค โดยครอบคลุมถึงการป้องกันอันตรายจากอาหารทั้งสามด้าน ได้แก่
- อันตรายทางเคมี สารตกค้างจากยาหรือสารเคมีที่อาจปนเปื้อนในไข่
 - อันตรายทางกายภาพ สิ่งแปลกปลอมที่ปะปนเข้าไปในกระบวนการผลิต
 - อันตรายทางชีวภาพ เชื้อโรคต่างๆ เช่น ซัลโมเนลลา ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
 
					
						ขอบข่าย
											
				
			
		- มาตรฐานสินค้าเกษตรนี้ กำหนดการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มไก่ไข่ที่เลี้ยงไก่ไข่เพื่อการค้า จำนวนตั้งแต่ 1,000 ตัวขึ้นไป ครอบคลุมองค์ประกอบฟาร์ม การจัดการฟาร์ม อาหาร น้ำ การจัดการบุคลากร การจัดการสุขภาพสัตว์ การจัดการด้านสวัสดิภาพสัตว์ การจัดการไก่รุ่น ไก่ระยะไข่ และไข่ไก่ การจัดการสิ่งแวดล้อม การบันทึกข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ไข่ไก่ที่ปลอดภัย มีคุณภาพเหมาะสมในการนำไปบริโภคเป็นอาหาร
 - มาตรฐานฉบับนี้ไม่ครอบคลุมฟาร์มไก่ไข่ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการเลี้ยงระบบอื่น ที่รับรองโดยกรมปศุสัตว์ เช่น มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เล่ม 2: ปศสัตว์อินทรีย์ (มกษ. 9000 เล่ม 2) ฟาร์มไก่ไข่แบบเลี้ยงปล่อยอิสระ
 
															
					
						สาระสำคัญการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มไก่
											
				
			
		สรุปสาระสำคัญ มกษ. 6909-2562 “การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มไก่ไข่ (GAP ฟาร์มไก่ไข่)”
มาตรฐาน GAP ฟาร์มไก่ไข่สำคัญ
- สร้างความปลอดภัยทางอาหาร (Food Safety)
 - ควบคุมโรคระบาดในสัตว์ปีก
 - ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม
 - สนับสนุนการส่งออกไข่ไทย
 
															
															องค์ประกอบสำคัญของมาตรฐาน (มกษ. 6909-2562)
มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มไก่ไข่ (มกษ. 6909-2562) เป็นข้อกำหนดสำคัญเพื่อยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยของไข่ไก่เพื่อการค้า ซึ่งมีผลบังคับใช้ตามขนาดของฟาร์มดังนี้
- ฟาร์มที่มีไก่ไข่ตั้งแต่ 100,000 ตัวขึ้นไป: มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564
 - ฟาร์มที่มีไก่ไข่ตั้งแต่ 1,000 – 99,999 ตัว: มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568
 
ขอบเขตของมาตรฐาน
มาตรฐานนี้ครอบคลุมองค์ประกอบสำคัญต่างๆ เพื่อให้มั่นใจถึงการผลิตไข่ไก่ที่มีคุณภาพและปลอดภัย
- องค์ประกอบฟาร์ม การออกแบบและโครงสร้างของฟาร์ม
 - การจัดการฟาร์ม กระบวนการบริหารจัดการโดยรวม
 - อาหารและน้ำ: คุณภาพและการจัดการแหล่งอาหารและน้ำ
 - การจัดการบุคลากร ความรู้ ความสะอาด และสวัสดิภาพของพนักงาน
 - การจัดการสุขภาพสัตว์ การป้องกันและควบคุมโรค
 - การจัดการด้านสวัสดิภาพสัตว์ การดูแลความเป็นอยู่ของไก่ไข่
 - การจัดการไก่รุ่น ไก่ระยะไข่และไข่ไก่ ขั้นตอนการเลี้ยงและการเก็บเกี่ยวผลผลิต
 - การจัดการสิ่งแวดล้อม การบำบัดของเสียและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
 - การบันทึกข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นเพื่อการตรวจสอบย้อนกลับ
 
ข้อกำหนดสำคัญสำหรับฟาร์มไก่ไข่
- ผู้ผลิต (ฟาร์มที่ถูกบังคับ) ต้องขออนุญาตเป็นผู้ผลิตกับสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และได้รับใบรับรองมาตรฐานฟาร์มจากกรมปศุสัตว์
 - ข้อยกเว้น มาตรฐานนี้ไม่ครอบคลุมฟาร์มไก่ไข่ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการเลี้ยงระบบอื่นที่รับรองโดยกรมปศุสัตว์แล้ว เช่น มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ หรือฟาร์มไก่ไข่แบบเลี้ยงปล่อยอิสระ
 - องค์ประกอบฟาร์ม
- ที่ตั้งต้องไม่เสี่ยงต่อการปนเปื้อน
 - มีผังฟาร์มที่ถูกสุขลักษณะและเหมาะสม
 - โรงเรือนต้องแข็งแรง ถูกสุขลักษณะ ระบายอากาศดี และมีพื้นที่เพียงพอโดยคำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์
 
 - การจัดการฟาร์ม
- มีคู่มือการจัดการฟาร์มที่เป็นลายลักษณ์อักษร
 - อาหารและน้ำต้องมีคุณภาพดีและเพียงพอต่อความต้องการของไก่
 - โรงเรือนและอุปกรณ์ต่างๆ ต้องสะอาดและได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
 
 
- บุคลากร
- มีบุคลากรเพียงพอและมีความรู้ความเข้าใจในหน้าที่
 - ได้รับการอบรมที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงไก่ไข่
 - มีสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์ม
 - ดูแลสุขลักษณะส่วนบุคคลของบุคลากรอย่างเคร่งครัด
 
 - สุขภาพสัตว์
- มีแหล่งที่มาของไก่ไข่ที่สามารถระบุย้อนกลับได้
 - มีมาตรการป้องกันและควบคุมโรค (Biosecurity) ที่เข้มงวด
 - มีแผนเฝ้าระวังโรคต่างๆ
 - จัดการซากสัตว์อย่างเหมาะสมและถูกสุขลักษณะ
 
 - สวัสดิภาพสัตว์ ดูแลไก่ไข่ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ เพื่อลดความเครียดและส่งเสริมสุขภาพที่ดีของสัตว์
 - สิ่งแวดล้อม มีระบบกำจัดขยะ น้ำเสีย และของเสียอื่นๆ จากฟาร์มอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
 - การบันทึกข้อมูล: บันทึกข้อมูลการปฏิบัติงานที่สำคัญทั้งหมดอย่างละเอียดและครบถ้วน และเก็บรักษาข้อมูลเหล่านั้นไว้อย่างน้อย 3 ปี เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบย้อนกลับและพัฒนาฟาร์ม
 
															


								
					
					
					
					
					
					
							
							
							